วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

[สุขภาพ] อาหารล้างพิษ ฟื้นฟูร่างกายหลังดูบอล !!!


ช่วงนี้มีบอลยูโรใช่มั้ยจ้ะแฟนบอลทุกคน หลายๆคนที่อยู่ดูบอลกันดึกๆแน่นอนว่าต้องมีอาหารว่างข้างกายชัวร์เลย แล้วการทานอาหารดึกๆเนี่ยไม่ดีกับร่างกายเลยนะจะบอกให้ เพราะงั้นเพื่อไม่ให้ป่วยจนอดดูนัดชิงชนะเลิศ เรามาทำการล้างพิษออกจากร่างกายกันหน่อยดีกว่า

ขอบคุณบทความดังเดิม : http://lady.one.in.th



สาหร่าย - พืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้าม แต่ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัย McGill ในเมืองมอนทรีออล (Montreal) ประเทศแคนาดาระบุชัดว่า สาหร่ายสามารถดูดซึมของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรังสีจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งพลังงานความร้อนจากรังสีเหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ สาหร่ายยังอุดมไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่จำนวนมาก

หัวหอม - ประกอบด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยทำความสะอาดเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล ตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น รักษาโรคหอบ โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือรักษาโรคเบาหวานได้ โดยช่วยทำให้ระดับน้ำตาลคงที่

มะนาว - สุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ ทั้งยังมีวิตามินซีสูง การดื่มน้ำมะนาวสดผสมกับน้ำอุ่นทุกเช้าหลังตื่นนอน จะสามารถช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง ก็จะช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย



กระเจี๊ยบ - น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออก มีเลือดปน หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง

ทับทิม - ตำราแพทย์แผนโบราณของเอเชียกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามรถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้ เนื่องจากในทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับแอสไพรินในยาแก้ ปวด จึงช่วยล้างพิษ ลด การติดเชื้อของเชื้อโรค และลดอาการอักเสบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ นอกจากนี้ ทับทิมยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทำงานได้ดีขึ้น

พืชตระกูลถั่ว - ไม่ว่าจะเป็นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง หรือถั่วขาว ล้วนมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ทั้งยังสามารถลดอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมากได้

ขึ้นฉ่าย - สุดยอดอาหารทำความสะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิต การดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้าจะช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ นอกจากนี้ ขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง รวมไปถึงช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่และผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย

แครอต - อุดมไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอ ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีเยี่ยม ปกป้องร่างกายจากสารพิษในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับระบบทางเดินประสาท สายตา และผิวหนัง ที่ต้องสัมผัสแสงแดดเป็นประจำ

มะเขือพวง - มะเขือพวงอุดมด้วยไฟเบอร์จึงช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร ที่สำคัญคือสามารถช่วยจับไขมันอิ่มตัวและขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่ายได้ ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้อย่างรวดเร็ว จึงลดการสะสมของของเสียได้อยู่



ส้มโอ / เกรปฟรุต - คนตะวันตกนิยมกินเกรปฟรุตในอาหารมื้อเช้า เนื่องจากสารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุต สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทาง เดินในหลอดเลือดได้ ทั้งยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักทำอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อนด้วย

กระเทียม - กระเทียมช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิ รวมไปถึงไวรัสในทางเดินอาหารได้อย่างดี ทั้งยัง ต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น

บลูเบอร์รี่ - ในบลูเบอร์รี่นั้นมีสารแอสไพรินตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยลดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้ การกินบลูเบอร์รี่ยังช่วยขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ส่งการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะลดลง ที่สำคัญคือมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงมาก จึงถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรคที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย

กะหล่ำ - ช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ โดยพืชตระกูลกะหล่ำได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี และกะหล่ำปม เป็นต้น



บีตรูต - ผักมหัศจรรย์ที่ประกอบไปด้วยไฟโตเคมีคอล วิตามิน และเกลือแร่หลายชนิด จึงมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ทำความสะอาดตับและระบบน้ำเหลือง อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้กำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้นด้วย และล่าสุดยังพบว่าบีตรูต ช่วยปรับระดับกรด-ด่างในเลือดให้สมดุลได้อย่างมีประสิทธิภาพ



อะโวคาโด - ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนักได้ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนพบว่า ผู้สูงอายุที่กินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนเป็นประจำ จะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ได้กิน และมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์

ตำลึง - ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้ว หาง่าย และราคาไม่แพงนี้ มีคุณสมบัติช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายได้อีกด้วย

แอปเปิล - ประกอบไปด้วยเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่ง ที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักที่ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว จึงเป็นผลไม้ที่ช่วยล้างพิษได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง รวมทั้งฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้

อัลมอนด์ - มีใยอาหาร แคลเซียม และโปรตีนสูง แม้จะมีไขมันแต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกาย การกินอัลมอนด์เป็นประจำจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด



กล้วย - หากินได้ง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาล นอกจากอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินเอ วิตามินบี 6 และบี 10 วิตามินซี โปรตีน แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม เหล็ก และทองแดงแล้ว กล้วยยังมีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงให้กับกระเพาะอาหาร ในขณะเดียวกันสารทริปโตแฟนที่มีอยู่ในกล้วยยังช่วยกระตุ้นการผลิตเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารส่งผ่านประสาทหรือนิวโรทรานสมิตเตอร์ที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสงบ ผ่อนคลายมากขึ้น ทริปโตแฟนนี้ยังช่วยขจัดอาการซึมเศร้า ความวิตกกังวล และโรคนอนไม่หลับได้ด้วย อ้อ การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันอาการท้องผูกและทำให้ระบบขับถ่ายเป็น ปกติอีกด้วย



ที่มาข้อมูล : http://women.sanook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9-830938.html

ขอขอบคุณ : รูปภาพสวยๆจากเว็บไซด์ต่างๆ

หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ อาจมีการดัดแปลงนิดหน่อย เพื่อให้เข้ากับความเป็น smilelyphoto.blogspot.com แต่จะไม่มีการทำให้เนื้อหาเสียใจความสำคัญ หรือเนื้อหาหลักแต่อย่างใด

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

[น่าสนใจ] 9 ประโยชน์จากการ "จุจุ๊บ" !!!

คำเตือน (ที่ไม่รู้ว่าควรมีมั้ย) : บทความนี้ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน ไม่ได้ชี้แนะให้คู่รักไม่รักนวลสงวนตัว การแสดงออกทางความรักเป็นเรื่องดี แต่ควรถูกที่ ถูกเวลา ถูกกาลเทศนะจ้ะ


คำเตือน (อีกนิด) : ผู้ใดที่ก๊อปบทความนี้ไป กรุณาเอาไปทั้งหมด รวมทั้งเครดิตด้านล่าง และ เครติด  http://smilelyphoto.blogspot.com  ด้วยนะจ้ะ ขอบคุณสำหรับความรวมมือ
__________________________________________________________

อ่ะๆๆๆเห็นหัวข้อกันไปแล้วก็อย่าพึ่งแปลกใจ อย่าพึ่งสงสัย และอย่าพึ่งไม่เชื่อกันจนปิดบทความนี่ไป

การจุจุ๊บ หรือการจูบกันเนี่ยมันมีประโยชน์จริงๆนะเออ แถมยังมีมากมายถึง 9 ข้อด้วยกันอีกตะหาก

แต่จะเป็นประโยชน์อะไรบ้างนั้น เราต้องไปอ่านด้วยกันนะจ้ะ

เอ้า!มาเริ่มกันเลย


1. การจูบช่วยยับยั้งฟันผุ


ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรมแห่งสมาคมทันตกรรมแห่งอังกฤษอย่าง ทันตแพทย์ Peter Gorden ได้กล่าวไว้ว่า “หลังจากที่เรารับประทานอาหารเข้าไป ช่องปากของพวกคุณจะเต็มไปด้วยสารละลายจำพวกน้ำตาลและกรดในน้ำลาย ซึ่งเป็นตัวการในการสร้างคราบพลัก การจูบถือว่าเป็นวิธีแห่งธรรมชาติอย่างหนึ่งในการกำจัดคราบเหล่านั้น” ท่านยังเสริมอีกว่า “การจูบเป็นตัวช่วยให้น้ำลายชำระคราบพลักออกให้อยู่ในระดับปกติทั่วไป



2. การจูบเป็นวิธีที่จะช่วยลดภาวะตึงเครียด 

การจุมพิตอย่างดูดดื่มถือว่าเป็นเทคนิคเยี่ยมยอดในการผ่อนคลายนอกจากนี้, Michelle Kay Mcnabb นักปรึกษาทางด้านลดภาวะความตึงเครียดกล่าวเสริมว่า “ทุกครั้งที่คุณจูบ รูปปากจะมี่ลักษณะเหมือนยิ้มไปโดยอัตโนมัติ และเมื่อทั้งภาษากายและภาษาใจหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่สภาวะตรึงเครียดจะเกิดขึ้นได้ ณ ช่วงเวลานั้น และนอกจากนี้แล้ว เวลาที่คุณจูบ คุณจะหายใจแรง และหลับพริ้มไปในขณะที่คุณจูบ นั้นก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลายอารมณ์จากโลกที่แสนจะวุ่นวายนี้เช่นกัน”



3. การจูบช่วยลดน้ำหนัก !!!

แล้วจะต้องจุมพิตกันมาราธอนนานขนาดไหนกันละถึงจะลดน้ำหนักได้? คุณต้องใช้พลังงาน 3,000 แคลลอรี่ในการลดน้ำหนัก 1 ปอนด์ Claire Potter กล่าวว่า “การจูบที่มาราธอนช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึมเผาผลาญน้ำตาลได้เร็วยิ่งขึ้น การเผาผลาญจะได้มากน้อยเท่าไร ขึ้นอยู่กับเวลาที่ใช้ด้วย โดยทั่วไปแล้ว ในการจูบ 10 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 10 แคลลอรี่


4. การจูบช่วยยับยั้งวัยชรา 

Claire Potter ที่ปรึกษาทางด้าน fitness แห่งนิตยสาร Cosmo กล่าวว่า “การจูบช่วยให้กล้ามเนื้อแก้มและขากรรไกรของคุณปรับให้เข้ารูปมากยิ่งขึ้น ทำให้ชะลอการเกิดการย่อนคล้อยตรงบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี”


5. การจูบช่วยเพิ่มพลังในการออกกำลังกาย 

หัวใจคุณกำลังเต้นแรง ชีพจรคุณยิ่งพุ่งปรี๊ด “ถ้าการจูบสร้างความตื่นเต้นให้แก่คุณ ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีนสู่กระแสเลือด ทำให้หัวใจคุณสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย” แพทย์หญิง Susan Hotchkies ยังเสริมอีกว่า “ถือว่าการจูบเป็นการกระตุ้นให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงยังส่วนต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม


6. การจูบช่วยชี้ทางสว่างให้กับหนุ่มสาวในการเลือกคู่ 

การที่คุณได้รับสัมผัสรสจูบจากชายหนุ่มหน้าใหม่ทำให้คุณได้รับรู้ถึงฟีโรโมน (สารเคมีที่บ่งบอกถึงเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ) ของเขา นักบำบัดทางด้านความสัมพันธ์และการแต่งงานกล่าวว่า “การจุมพิตครั้งแรกมักจะบ่งบอกว่าคุณและเขาจะไปด้วยกันได้หรือไม่ในภายภาคย์หน้า โดยปกติแล้วคนเราคิดว่ากลิ่นมักจะกระตุ้นแรงดึงดูดแห่งจิตใต้สำนึกของเราได้ และถ้าฟีโรโมนของคุณ “ไม่โดน” แล้วละก็ ฝ่ายตรงข้ามอาจจะเมินเฉยไปเลยก็ได้”




7. การจูบทำให้เราเกิดความมั่นใจ 

ปัจจัยหนึ่งในการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นย่อมไม่มีสิ่งใดที่จะดีไปกว่าการจูบ ดังที่นักบำบัดทางด้านจิตวิทยา Paul Zeal ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “ในทางทฤษฎีแล้ว เมื่อคุณจูบอย่างดูดดื่ม คุณจะรู้สึกได้ถึงการมีความสุข และเมื่อคุณมีความสุขคุณก็จะรู้สึกดีต่อตัวคุณเอง


8. การจูบทำให้ความรู้สึกโดยรวมดีขึ้นอย่างน่าประหลาด 

ได้มีเอกสารรายงานทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า การจูบจะช่วยให้ร่างกายส่งสัญญานไปยังสมองเพื่อหลั่ง Oxytocin (ฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกดีโดยรวม) และทางหลักชีววิทยาแล้ว การที่เราจูบหนึ่งครั้ง มักจะส่งผลให้มีการจูบตามมาเรื่อยๆ เมื่อเราจูบแล้วสารเคมีที่อยู่ในปากจะถูกส่งต่อเมื่อริมฝีปากประกบกัน ทำให้เกิดความรู้สึกโดยรวมที่ดียิ่งขึ้นไปอีก


9. การจูบทำให้การงานดีขึ้น

นักจิตวิทยาและนายแพทย์ชาวเยอรมันได้วิจัยว่า สามีที่จูบภรรยาก่อนไปทำงานมีอัตาการขาดงานที่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้จูบ นอกเหนือจากนี้แล้วสามีที่จูบภรรยาก่อนไปทำงานมักจะประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปทำงานน้อยกว่าปกติ 20-30 เปอร์เซ็นต์ และมีชีวิตอยู่ยืนยาวคนทั่วไปถึงกว่า 5 ปีเลยทีเดียว Dr. Arthur Sazbo หนึ่งในนักจิตวิทยาชาวเยอรมันได้ให้ความเห็นไว้ว่า เหตุผลที่สนับสนุนเคล็ดลับช่วยให้ชีวิตยืนยาว เพราะสามีที่จูบภรรยาก่อนออกไปทำงานมักจะเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยความสดใสและมองโลกในด้านบวกเสมอ

















ขอขอบคุณ : naddate.com , siamdara.com และรูปภาพจากบอร์ดต่างๆ


หมายเหตุ : บทความที่เอามาอาจมีการปรับแต่งให้เข้ากับความเป็น SmiLelY นิดหน่อย สามารถดูบทความเดิมได้ที่ http://www.siamdara.com/ColumnGirl.asp?cid=4639

วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

[หาบ้าน] หมาน้อยน่ารักจาก"มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย" !!!

สวัสดีจ้าทุกคน พรุ่งนี้เป็นวันดีวันหนึ่งของศาสนาพุทธ

ทาง SmiLelY จึงขอนำเสนอโอกาสทำบุญดีๆ

โดยการรับอุปการะน้องหมาไปอยู่บ้านสักตัว

ใครที่ต้องการเลี้ยงสุนัข หรือกำลังมองหาเพื่อนไว้แก่เหงา ไว้เฝ้าบ้านสักตัว

ลองเลือกจากน้องหมาเหล่านี้ดูนะจ้ะ

_______________________________________________________

ข้อความจากเพจ [ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย, ประเทศไทย (Soi Dog - in Thai) ] 


หมายเหตุ : อาจมีการตัดแบ่งประโยคเพื่อความเหมาะสม 


แต่ไม่มีการเปลี่ยนเนื้อหา ใจความที่เจ้าของเพจต้องการสื่อแต่อย่างใด




น้องหมาสังกัด Soi Dog มาหาบ้านค่ะ

น้องๆ เหล่านี้ยังเป็นลูกสุนัข อายุเพียงไม่กี่เดือน

เราอยากให้พวกเค้าได้มีบ้านที่แท้จริงค่ะ

ฝากพี่ๆช่วยแชร์ด้วยนะค๊ะ


ตอนนี้น้องๆ อยู่ที่มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย จ.ภูเก็ต

โดยสามารถจัดส่งให้ได้ทุกที่

เพียงแต่ผู้รับอุปการะจะต้องเป็นผู้ออกค่าเดินทางให้กับน้องๆค่ะ

(ค่าตั๋วเครื่องบินจาก ภูเก็ตมากรุงเทพ 2000 บาท + ค่ากรงสำหรับเดินทาง)


สนใจรับน้องๆไปอุปการะ สามารติดต่อสอบถามได้ที่ Cindy@soidog.org 

(รบกวนแนบภาพหรือระบุชื่อน้องๆที่ต้องการอุปการะเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะค๊ะ)

ไม่สนใจรับเลี้ยง ก็ฝากช่วยกันแชร์ประกาศด้วยน้าาาา

ทำบุญด้วยการกด กด กด ^__^

ปล.ยิ่งหมาออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งมีพื้นที่รับหมาใหม่เข้ามาดูแลในศูนย์มากขึ้นเท่านั้นจ้าาาาาา

_______________________________________________________

เป็นยังไงมั้งค่ะ น้องๆแต่ละตัวก็น่ารักดีเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ใครสนใจสามารถติดต่อไปได้เลยนะจ้ะ

อย่างที่เจ้าของเพจบอก ยิ่งน้องหมามีบ้านมากเท่าไร

น้องหมาตัวอื่นๆที่ยังไมไ่ด้รับความช่วยเหลือ ก็จะมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือมากขึ้นเท่านั้น

แต่หากใครไม่สนใจจะรับเลี้ยงแต่อยากจะช่วยเหลือ ก็เพียงแค่กด "แชร์" บทความนี้ออกไปมากๆเท่านั้นเองจ้า

จะได้เพื่อโอกาสให้คนที่อยากรับเลี้ยงได้เลือกน้องหมาเนอะ











ขอบคุณ : มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย, ประเทศไทย (Soi Dog - in Thai)