วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มาแล้วจ้า ภาพงาน Book Expo 2011 ภาค 2 !!!!!

มาแล้วจ้าๆๆๆๆ หลังจากที่เมื่อวานตอนดึกๆๆๆๆๆ ไอ้อัพรูปเกี่ยวกับการเดินทางไปแล้ว วันนี้ก็จะอารูปภายในงานมาลง ตามสัญญาจ้า


งานวันแรก อย่างที่บอกคนน้อยได้อีก ดูได้จากปริมาณคนที่ยืนบนบันไดเลื่อน ปกติแทบไม่มีช่องว่าง


โซนแรก จัดกันตั้งแต่ยังไม่เข้าตัวอาคาร เป็นเต๊นพลาสติก แต่ข้างในก็เย็นสบายดีนะ


ภายในเต๊นที่ว่า ก็มีผู้คนหลายเพศหลายวัยมาเลือกซื้อหนังสือกันให้เห็นได้บางๆ


บูธนี้ก็อยู่โซนเต้นพลาสติกนะเออ หาดีๆแล้วคุณจะได้เจอกับบูธนี้ (ความบังเอิญหมายเลข 1)


หนังสือเยอะจนพี่คนนี้เริ่มจะเลือกไม่ถูก หรือไปสะดุดตากับอะไรบ้างอย่างกันนะ > <


แล้วเราก็เข้ามาภายในงาน เจอน้องหมีสุดน่ารัก ที่ตั้งท่าพรีเซนต์สินค้าทันทีที่เห็นกล้อง

เขามาจากบูธของ Magic Knit นะจ้ะ ก็เป็นแนวถักไหมพรมนั่นล่ะ ตามที่เจ้าตัวพรีเซนต์เลย



ทางเดินหน้าโซนแพลนนารีฮอลล์ ปกติคนเยอะยับกับหนอน วันนี้เดินสบาย ชิวๆเลย


นี่คือบอร์ดที่เป็นแผนที่ภายในงาน อย่างที่ได้บอกไว้ใน







เดินไปเดินมาก็มาเจอกับเจ้านี้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน แต่แถวๆนี้ Art ดี


สวยแบบแปลกๆ




ภายในจะเป็นการฉายภาพพร้อมกับเล่านิทานอีสป



น้องสิงโตยังอ่านหนังสือเลยนะ > <//


บูธ DIY ทำหนังสือเอง ตามแต่ใจเราอยากจะได้เลย



พอๆๆๆ เรามาเดินตามหาหนังสือของเราได้ล่ะ นี่เป็นโซนแพลนนารีฮอลล์ล่ะ

สิ่งที่ตามหาก็คือ.....



Reborn 32 !!!!!!!

แต่...มันหมดง่ะ TT^TT วันแรกนะเฮ้ย ทำไมหมดล่ะ

เจ็บปวดๆๆๆๆๆ



ใครที่ตามเรื่องอื่นอยู่ของค่าย สยามอินเตอร์ ก็ลองเดินเข้าไปดูกันได้ที่โซนแพลนนารีฮอลล์นะ

หน้งสือเขาเยอะจริงๆ (แต่เล่มออกใหม่หมดเยอะเหมอืนกัน ต้องไปหลายวันกว่าจะได้ครบ T^T)


เดินต่อๆๆๆ เรามีอีกหลายเรื่องที่อยากได้ หาๆๆๆ 

เดินหาบูธแบบไม่ดูแผนที่มันก็สนุกไปอีกแบบนะ ฮะๆๆๆๆ

อ่ะ!!ตัวนี้มันจากเรื่องดิจิมอนป่ะ แต่ชื่อไรอ่ะ แหะๆ


สายตาของใครบางคนเหลือบไปเห็น บูธของ วิบูลย์กิจ

เลยโดนลากๆๆให้มาถ่ายให้


หนังสือการ์ตูนออกใหม่ของค่ายนี้ 

เอ่อ...อยากไปสนใจพี่คนมุมขวาของภาพเลยนะ ไม่มีอะไรหรอก - -"

พี่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ยืนดูหนังสือเฉยๆ ฮะๆๆๆ


เหล่าคนรักการ์ตูนเยอะใช่ได้เลย


ถัดจาก วิบูลย์กิจก็เป็นมติชน


ถัดไปอีกนิดก็เป็น บูธซีเอ็ด

มีหนังสือให้ความรู้เยอะเลยนะ ^O^v


บูธนี้คนเยอะสุดๆล่ะ > <

จากที่นี้ก็ได้ How to มาเล่มเหมือนกัน ฮี่ฮี่





ขึ้นมาที่โซน A บธูนี้เป็นงาน DIY หนังสือ

มีลายหน้าปกน่ารักๆ สวยๆ เยอะเลย

ใครที่ชอบเขียนไดอารี่ คงถูกใจบูธนี้ไม่น้อย เข้าไปซื้อไปเลือกกันได้
ราคาไม่แพงด้วยนะ


ลงกันมาต่อที่โซน C ตามหา บูธ บงกช ^O^//


มันอยู่แถวๆนี้ล่ะ แต่ลืมถ่ายมา - -"



อย่าลืมไปกันเยอะๆนะ ลด 15 - 30% เลยอ่ะ

ถูกกว่าไปหาซื้อเองตามห้างนะ



 สุดท้าย รูป SmiLelY เองล่ะ หุหุหุหุ





สำหรับภาพภายในงานก็หมดเท่านี้ล่ะ บทความหน้าจะเอารูปเก็บตกที่ คนบ้ากล้องมันถ่ายเล่นๆมาลงให้ดูกันเนอะ

ไปล่ะ บะบาย

เจอกันคราวหน้านะ ^O^//

ไว้อาลัยแก่ท่าน Steve Jobs ผู้เป็นยิ่งกว่าตำนาน

บทความนี้ขอยกให้กับข่าวสะเทือนใจ SmiLelY คนนี้ก่อนเลย ขอบอกตามตรงว่าใจหายมาก ไม่คิดว่ามันจะเร็วถึงเพียงนี้ ขนาดเราไม่ได้สนิทอะไรกับเขาเรายังรับรู้ได้ถึงความสูญเสีย

หลายๆท่านอาจจะรู้ข่าวกันแล้ว กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ Steve Jobs



โิดย CNN รายงานว่า บริษัท แอปเปิล ยืนยัน สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล วัย 56 ปี ได้เสียชีวิตลงแล้วจากโรคมะเร็งตับอ่อน


และทาง Apple เองก็มีข้อความขึ้นเว็บของบริษัทถึงข่าวนี้ และได้แสดงความไว้อาลัยด้วยเช่นกัน




ใครที่อยากจะส่งข้ออาลัยไว้อาลัยแด่ท่าน Steve Jobs ผู้เป็นตำนาน ทั้งแวดวงไอทีและอนิเมชั่น (Pixar) ทาง Apple ก็มีช่องทางให้ส่งกันไปได้ที่ rememberingsteve@apple.com นะ

ทาง SmiLelY ขอไว้อาลัยมา ณ ที่นี้ " I will miss you forever Steve Jods. You are the legend. "





ขอขอบคุณ

http://www.apple.com/
http://mjsweetie.blogspot.com

มาแล้วจ้า ภาพงาน Book Expo 2011 !!!

ดีจ้า เจอกันอีกแล้วกับ SmiLelY 's Photo [Gallery ตามแต่ใจ] วันนี้เอารูปงาน Book Expo 2011 มาฝากกัน

มาดูลายละเอียดงานกันก่อนดีกว่า เพื่อว่าใครหลายๆคนจะยังไม่รู้กัน

เพราะวันนี้ที่ไปงานมา รู้สึกว่าคนน้อยมากๆ ปกติทุกครั้งคนจะเยอะตั้งแต่วันแรก แม้จะเป็นวันธรรมดาก็ตามที

งาน Book Expo 2011 เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 5 - 16 ตุลาคม 2011

สถานที่จัดงานก็ คือ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์

เริ่มเปิดให้เข้ากันตั้งแต่ 10.00 - 21.00 น. ถือว่าเย็นเหมือนกันนะเนี่ย จะเลิกเรียน เลิกงานค่อยไปก็ยังได้เลย

แล้วภายในงานก็มีการแบ่งโซนออกเป็นหลายๆโซนด้วยกัน ถ้าใครไปก็ไปขอแผนที่งานได้นะ (ที่จุดบริการลูกค้า) หรือไม่ก็ไปยืนหาเอาที่บอร์ดก็ได้เหมือนกัน เพราะบางทีแผนที่ที่เขาแตกมันก็หมด

โซนหลักๆเลยก็มี แพลนนารีฮอลล์, Main Foyer โซน C, โซนพลาซ่า, ห้อง Ball Room, Hall A, ห้อง Meeting Room 1 - 4, ห้อง Board Room 1 - 4, และสุดท้าย ห้อง Lotus จะมีทั้งส่วนที่เป็นบูธหนังสือ และส่วนที่เป็นอาหารและเครื่องดื่มนะ (ตอนเดินดูก็ไม่ค่อยได้สังเกตุด้วยสิ ที่เห็นง่ายๆก็มีแพลนนารีฮอล์ โซน C และก็โซน A)

งานนี้ไม่เพียงเหมาะกับวัยรุ่น วัยทำงานเพียงเท่านั้น เพระาไม่ว่าจะเด็ก จะผู้ใหญ่ จะผู้สูงอายุ ภายในงานก็มีหนังสือมากมายให้เลือกกันจนพอใจ ตาลายกันไปข้าง ใครที่ไม่ได้ตั้งใจไปซื้ออะไรเป็นพิเศษบางทีก็ยังได้หนังสือติดไม้ติดมือกลับบ้านไปมากกว่าคนที่ตั้งใจไปตั้งแต่แรกซะอีกแหนะ

และในงานนี้ก็เป็นแหล่งรวมของทุกร้านหนังสือ ทุกสำนักพิมพ์ ขนกันมาแทบหมดโรงงานเท่าที่จะขนกันมาได้ และที่สำคัญ ลดราคากันเห็นๆ 15 -30% เลย และถ้าเป็นหนังสือเก่้าๆหรือมือสองหน่อยในงานนี้ก็มีขายนะ แถมราคายังถูกและสถาพดีกว่าสือตามร้านข้างนอกอีกด้วย ลองๆไปค้นๆดูอาจเจอเรื่องที่ชอบก็ได้นะ

แต่ก็มีเรื่องขอเตือนนิดหน่อย บูธบางบูธพนักงานเยอะจริง แต่ทำงานไม่ได้เรื่อง ไม่เป็นระบบเอาซะเลย อาจทำให้หลายๆคนหัวเสีย อารมณ์เสียกันไปบ้าง ก็ใจเย็นๆเนอะ บางที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อกับที่สำนึกพิมพ์โดยตรงก็ได้ บูธอิสระยังรอให้ไปเลือกซื้อกันอีกเยอะ สบายใจ สบายอารมณ์ด้วยล่ะ ของแถมที่ได้อาจจะเหมือนหรือต่างกันไปบ้าง แต่ส่วนลดเท่ากันแน่นอนจ้า

เอาล่้ะ แนะนำรายละเอียดบวกคุยกันมาพอล่ะ เรามาเริ่มการเดินทางของทริปนี้กันเลยดีกว่า บทความนี้ขอลงแค่การเดินทางก็นะจ้ะ เดี๋ยวรูปมันจะเยอะเกินไป บรรยากาศในงานขอยกไปบทหน้าเนอะ โอเคนะ

พอกันหรือยังเอ่ย ถ้าพอแล้วก็....

Let's go !!!!


ทริปนี้ ขอเริ่มต้นการเดินทางแบบง่ายๆเลยล่ะกันเนอะ เริ่มจากเราไปขึ้น รถไฟฟ้าใต้ดิน กันที่ สถานีหัวลำโพง หรือบ้านใครใกล้สถานีไหนก็ไปเตอะ  ^ ^






ดูตามแผนที่และระยะทางแล้ว ห่างจากหัวลำโพง 5 สถานี

ก็จะใช้เวลานั่งไปประมาณ 5 -10 นาที ไม่นานเท่าไร

และราคาก็ถูกแสนถูก เพียง 24 บาท เท่านั้น!!

นั่งเย็นๆ แถมเร็วกว่าไปรถติดบนแท็กซี่นะ


เราสามารถซื้อไอ้เจ้าเหรียญกลมๆดำๆแบนๆ(?)นี่ได้จากห้องจำหน่ายตั๋ว หรือตู้กดก็ได้ 

แนะนำถ้าคนเยอะเอาตู้กดเถอะจ้า เร็วกว่าสะดวกกว่า

วิธีกดก็แสนง่าย เพราะมันเป็นจอสัมผัส

เราก็แค่เอานิ้วจิ้มไปที่วงกลมๆที่เขียนว่า "ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์"

แล้วมันก็จะขึ้นราคามาบอกเรา นั้นคือ "24 บาท"

เราก็ทำการใส่แบงค์หรือเหรียญเข้าไปในช่องที่มันเขียนบอกเอาไว้ 

แล้วไอ้เจ้ากลมๆเหรียญดำๆนั้นก็จะหล่นลงมาให้เราใช้

เป็นไงๆง่ายเนอะ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ พี่เจ้าหน้าที่ยังมีจ้ะ ^ ^




พอได้เหรียญดำๆนั่นมาแล้ว มันก็คือเหรียญที่เป็นตั๋วของเรานั่นล่ะ 

ทางเข้าหน้า (ในรูป) นั้นก็คือช่องที่เราจะต้องเดินผ่านเข้าไป

เราก็แค่เอาเจ้าเหรียญเนี่ย แตะลงไปบนจุดที่เขาบอก 

ไอ้ที่กั้นแดงๆก็จะเปิดออก ให้เราเดินผ่านเข้าไปด้านในได้


พอเราเข้าไปแล้วก็เดินลงบันไดเลื่อนไปรอรพไฟใต้ดิน 

มันจะเขียนว่าไปบางซื่อ ไปทางเดียวนั้นล่ะ  

กลัวหลงก็ดูฝั่งที่คนขึ้นเยอะๆนั่นล่ะนะ ไม่ต้องกลัวๆ

(หมายเหตุ 1 : ตรงจุดนี้ไม่มีรูปจ้า เพราะว่าเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ถ่าย ก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไร)

(หมายเหตุ 2 : เมื่อรถไฟใต้ดินมาแล้ว เจ้าหน้าที่จะบอกให้เรารอข้างนอกก่อน ยังไม่ให้เราเขาไป เพราะเขาจะทำการตรวจสอบความเรียบร้อยนั่นเอง เราต้องทำตามเขานะจ้ะ เพื่อความปลอดภัยอ่ะ)


 เอาล่ะถ่ายได้สักที ตอนนี้เข้ามาในตัวรถได้แล้ว เราสามารถเดินหาที่นั่งได้ตามสะดวกเลยนะ

หรือใครจะยืนก็ได้ รถไม่เหวี่ยงเท่าไร

ยืนชิวๆสวยๆได้ตามสบายเลย


 เส้นทางรถไฟใต้ดินที่เรานั่งจะผ่าน สถานีที่มีชื่อตามลำดับดังนี้

1. หัวลำโพง (นี่คือสถานีที่เราขึ้น)

2. สามย่าน

3. สีลม

4. ลุมพินี

5. คลองเตย

6. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ (และนี่ก็คือจุดหมายปลายทางของเรา)


 ตอนที่ไปเป็นเวลา 13.25 น. เป็นเวลาที่กำลังพอเหมาะพอเจาะเลย

แนะนำว่าหาอะไรกินไปก่อนจะดีกว่านะ

อาหารที่งานค่อนข้างแพง เพราะมันน้อย ฮะๆ


 คนน้อยมาก นั่ง ยืน นอน(?) ได้สบายๆ

จะจับเสา จะพิงเสา ตอนนี้ก็ไม่มีใครว่า 

แต่เวลาคนเยอะๆอย่าไปยืนพิงนะเออ มันเห็นแก่ตัว

 

หรืออีกทางเลือก สำหรับคนตัวสูง และมั่นใจกับใต้วงแขน

จับห่วงไปเลย !! รับรองมั่นคงไม่ต่างจากเสา



ถ่ายเล่นๆ เพราะมัีนเริ่มจะว่างเกินไปล่ะ ฮะๆๆ

มันไม่ได้นานหรอกนะ แต่พอดีว่าเป็นพวกมือถือกล้องไม่ได้ มันค่อยจะหานั่นนี่ให้กดชัตเตอร์ตลอด

และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราก็เลยตัดชับ!!

มาที่ตอนถึงสถานี "ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์" ซะเลย

ที่ไม่มีรูปในสถานีต่อ ก็เพราะเจ้าหนี้ที่ไม่ได้ถ่ายเหมือนเดิมนะจ้ะ เบื่อโดนว่า เลยไม่ได้ถ่ายมา

เมื่อเราออกมาจากตัวรถไฟแล้ว เราก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนไป เดินไปที่ทางออก "ประตู 3"

ย้ำว่า "ประตู 3" นะจ้ะ ออกประตูอื่นไปโผล่ผิดฝั่งไม่รู้นะเออ

แต่ไม่ต้องกลัว เพราะมันจะมีลูกศรบอกว่าเราต้องเดินไปทางไหน

จริงๆง่ายๆก็เดินตามๆเขาไป เพราะยังไงคนก็มางานนี้กันเยอะพอควรเลยล่ะ


ยังจำเจ้าเหรียญแบนๆดำๆที่เป็นตั๋วของเราได้มั้ย

ตอนที่ออก มันจะคล้ายๆตอนเข้า

แต่คราวนี้เราจะต้องหยอดเหรียญนั่นลงไป (เหมือนหยอดตู้โทรศัพท์นั่นล่ะ)

แล้วไอ้ที่กั้นแดงๆก็จะเปิดให้เราเดินออกไปเอง

ถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดหยอดไปแล้วมันไม่เปิด เจ้าหน้าที่จะคอยช่วยเหลือเราเอง ไม่ต้องห่วง

หลังจากนั้น.........

 เย้!!!!! ถึงงานแล้วจ้า แค่ขึ้นบันได้เลื่อนนี้ไปก็ถึงแล้วล่ะ


งานครั้งนี้มีบูธตั้งแต่ข้างนอกเลยล่ะ หนังสือเยอะมาก

เลือกกันจนแทบแบกกลับไม่ไหว

มือหนักหนังสือ แต่กระเป๋าดูจะเบาเงินไปเยอะ ฮะๆๆๆ


 แถมๆเรียกน้ำย่อย กับ ภาพบรรยากาศในงานสักนิด

โซนนี้เป็นบูธที่ออกมาข้างนอกนะ

ไม่ต้องกลัวร้อน เพราะเขามีแอร์ให้ เย็นสบายเหมือนเดินโซนข้างในนั่นล่ะ


วันนี้สมควรแกเวลาแล้ว ขอจบแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ รูปภายในงานที่เหลือขอยกยอดไปบทความหน้าตามที่บอกไว้ตั้งแต่แรกล่ะกันเนอะ

สำหรับบทความนี้ขอจบแค่นี้ล่ะจ้า บะบาย แล้วเจอกันพรุ่งนี้กับบทความหน้า ภาพบรรยากาศภายในงาน Book Expo 2011 วันแรกนะจ้ะ

อย่าลืมล่ะ!!!!